รู้จัก ผ้าม่าน แต่ละประเภท พร้อมวิธีเลือกใช้

หลายท่านอาจมีคำถามว่า ใช้ผ่านม่านแบบไหนดี? หรือ ผ้าม่านมีประเภทอะไรบ้าง ไปจนถึงการดูแลรักษาผ้าม่านซึ่งเป็นเรื่องที่ซับซ้อนและอาจเสียเงินโดยใช้เหตุหากคุณเลือกผ้าม่านผิดชนิด การเลือกประเภทผ้าม่านให้เหมาะสมสำหรับห้องหรือบ้านมีปัจจัยหลายประการที่ต้องพิจารณา ซึ่งร้านผ้าม่าน ฉากกั้นห้อง หัวหิน ปราณบุรีอย่าง K & Curtain จะมาแนะนำผ้าม่าน 18 แบบ มาให้คุณตัดสินใจได้ในทุกแง่มุมให้แก่คุณกัน

1. ผ้าม่านเดี่ยว (Single panel curtains) 

1. ผ้าม่านเดี่ยว (Single panel curtains) 

บางท่านอาจสงสัยว่าทำไมจึงมีการแยกขายผ้าม่านแบบผืนเดียวด้วย? เพราะร้านต้องการขายแยกชิ้นเพื่อกำไรที่มากขึ้นรึเปล่า? แท้จริงแล้วผ้าม่านแบบเดี่ยวถูกออกแบบมาให้ครอบคลุมหน้าต่างทั้งบาน และเปิดม่านออกโดยการดึงไปด้านข้างเพียงด้านเดียว โดยผ้าม่านแบบเดี่ยวนี้จะสร้างลุคที่ทันสมัยและมีสไตล์ให้กับห้องเกือบทุกแบบ

2. ผ้าม่านคู่ (Panel pair curtains)

2. ผ้าม่านคู่ (Panel pair curtains)

ผ้าม่านประเภทนี้จะถูกขายเป็นคู่ เพื่อให้สามารถแขวนไว้ที่สองด้านของราวหน้าต่าง โดยเมื่อปิดม่านจะดึงผ้าทั้งสองผืนมารวมกันตรงกลาง และเปิดออกโดยการผูกติดไว้ด้วยเชือกผูกม่าน ท่านสามารถใช้ผ้าม่านคู่ได้ทุกห้องที่มีพื้นที่เพียงพอสำหรับการแขวนผ้าม่านทั้งสองด้านของหน้าต่าง

3. ผ้าม่านจีบ (Pinch pleat curtains) 

3. ผ้าม่านจีบ (Pinch pleat curtains) 

หากท่านต้องการดีไซน์แบบคลาสสิค ผ้าม่านจีบคือทางเลือกที่ดีที่สุด ผ้าม่านประเภทนี้มักจะทำจากผ้าที่หนาและมีน้ำหนักมาก โดยผ้าม่านจีบรูปทรงแบบจิ้มจับ(หรือ Pinch pleat) คือรูปแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุดของประเถทผ้าม่าน กระบวนการผลิตจะเป็นการเย็บจีบและจิ้มรวบผ้าไว้ตรงด้านบนเพื่อให้เกิดรอยพับของผ้าตกลงมาทำให้ดูหรูหรา เป็นทางการ 

ผ้าม่านจีบแบบจิ้มจับนี้อาจมีจีบตั้งแต่ 2 นิ้วจนถึง 5 นิ้ว โดยยิ่งมีจีบจำนวนมากก็จะทำให้ผ้าม่านดูนุ่มนวลและอลังการมากขึ้น สำหรับผ้าม่านจีบ 3 นิ้ว(ตามภาพด้านบน) ถือเป็นแบบที่ได้รับความนิยมมากที่สุด ท่านสามารถใช้ผ้าม่านจีบแบบนี้ในห้องนอนหลัก ห้องนั่งเล่น หรือห้องรับรอง

4. ผ้าม่านจีบติดในกล่อง (Box pleat curtains) 

4. ผ้าม่านจีบติดในกล่อง (Box pleat curtains) 

ผ้าม่านจีบติดในกล่อง คือผ้าม่านมีมีรอยพับและรอยจีบลึกและต่อเนื่องกันไปตลอดทั้งแนวยาวของผืนผ้า ก่อให้เกิดลักษณะกล่องสี่เหลี่ยมตลอดแนว และสามารถปกคลุมหน้าต่างได้อย่างเต็มที่ในลักษณะการตัดเย็บอย่างประณีต ผ้าม่านจีบแบบนี้เหมาะสำหรับห้องรับประทานอาหาร ห้องนั่งเล่น หรือห้องนอน

5. ผ้าม่านจีบถ้วย (Goblet pleat curtains)

5. ผ้าม่านจีบถ้วย (Goblet pleat curtains)

ผ้าม่านจีบถ้วยได้รับชื่อมาจากรูปร่างของผ้าที่คล้ายกับถ้วยไวน์หรือแก้วไวน์ อย่างไรก็ตาม เนื่องจากโครงสร้างการจีบค่อนข้างละเอียดอ่อน จึงไม่เหมาะที่จะใช้สำหรับผ้าม่านเปิด-ปิดบ่อยๆ แต่เป็นเพียงผ้าม่านสำหรับตกแต่งหน้าต่างเท่านั้น ผ้าม่านจีบถ้วยจึงเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับห้องรับแขกขนาดใหญ่ที่มีเพดานสูง เพื่อเสริมบรรยากาศความหรูหรา

6. ผ้าม่านจีบดินสอ (Pencil pleat curtains) 

6. ผ้าม่านจีบดินสอ (Pencil pleat curtains) 

ผ้าม่านจีบดินสอ จะมีรอยจีบเดี่ยวแต่ละจีบค่อนข้างบางเล็กน้อย ซึ่งจะช่วยให้การติดตั้งและประกอบกับตะขอหรือราวม่านทำได้ง่ายขึ้น ผ้าม่านจีบแบบนี้มีลักษณะสบายๆ น่ารักกว่าผ้าม่านจีบถ้วยหรือจีบกล่อง จึงเหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องนั่งเล่นที่ไม่ต้องการความเป็นทางการมากนัก

7. ผ้าม่านตาไก่ (Grommet curtains)

7. ผ้าม่านตาไก่ (Grommet curtains)

ผ้าม่านตอกตาไก่จัดอยู่ในสไตล์ร่วมสมัยและทันสมัย โดยจะมีวงแหวนเหล็กเจาะรูไว้ตรงริมขอบด้านบนของผืนผ้า เพื่อสอดเข้ากับราวม่าน ช่วยให้สามารถเปิดหรือปิดผ้าม่านได้อย่างง่ายดาย ดังนั้นผ้าม่านแบบตอกตาไก่จึงเป็นตัวเลือกที่เหมาะสำหรับห้องนอนหรือห้องอื่นๆ ที่มีการเปิด ปิดผ้าม่านบ่อยครั้ง

8. ผ้าม่านแป๊บ (Rod pocket curtains) 

8. ผ้าม่านแป๊บ (Rod pocket curtains) 

ผ้าม่านประเภทนี้มักจะทำจากผ้าเนื้อบางหรือผ้าชีร์ มีช่องเป็นรูตรงขอบริมด้านบนเพื่อสะดวกต่อการสอดราวม่านผ่านเข้าไป จึงถือได้ว่าเป็นสไตล์ที่ค่อนข้างพื้นฐานและธรรมดามากกว่าแบบอื่นๆ ทั้งยังประกอบและติดตั้งง่ายอีกด้วย เพียงแค่สอดราวผ่านรูที่ผ้า ผ้าม่านก็สามารถใช้งานได้ทันที ผ้าม่านแบบแป๊บนี้จึงเหมาะสำหรับห้องที่ไม่จำเป็นต้องเปิดปิดม่านบ่อยนัก และใช้ราวม่านที่มีขนาดเล็กและแน่นกว่าปกติ

9. ม่านคอกระเช้า (Tab Top curtains) 

9. ม่านคอกระเช้า (Tab Top curtains) 

ม่านคอกระเช้าคล้ายกับม่านแป๊ป(Rod pocket pleat) ผ้าม่านแบบนี้ก็มีภาพลักษณ์ค่อนข้างสบายๆ แต่จะมีลักษณะเด่นตรงขอบบนที่มีรูถ่างคล้ายหูหิ้วเพื่อสะดวกแก่การสอดราวม่านผ่าน ผ้าม่านสไตล์นี้จึงดูน่ารักและเหมาะสำหรับการตกแต่งแนวธรรมชาติหรือบ้านสวนเล็กๆ

10. ผ้าม่านผูก (Tie top curtains) 

คล้ายกับม่านคอกระเช้าผ้าม่านผูกจะห้อยตัวลงมาจากใต้รางราวม่าน ทำให้ราวม่านและผนังด้านหลังโผล่พ้นออกมา เนื่องจากโครงสร้างค่อนข้างบอบบางละเอียดอ่อน จึงมักใช้กับม่านที่โปร่งแสงหรือผ้าเนื้อบาง ผ้าม่านผูกเหมาะสำหรับการติดตั้งห้องเด็กและห้องที่ไม่เป็นทางการมากนัก หรืออาจใช้เป็นม่านคาเฟ่เพื่อประดับหน้าต่างก็ได้

11. ผ้าม่านประตูกันแสง (Blackout curtains)

11. ผ้าม่านประตูกันแสง (Blackout curtains)

สำหรับท่านมีปัญหาในการนอนหลับพักผ่อนเนื่องจากถูกรบกวนจากแสงภายนอก การติดตั้งผ้าม่านกันแสงอาจเป็นคำตอบ เพราะผ้าม่านประเภทนี้ผลิตจากวัสดุเนื้อหนาพิเศษที่สามารถกันแสงส่องผ่านได้อย่างมีประสิทธิภาพ และยังให้ความเป็นส่วนตัวแก่ห้องได้ดีอีกด้วย ดังนั้นผ้าม่านกันแสงจึงเหมาะอย่างยิ่งสำหรับห้องนอน ห้องรับแขก หรือโซนโรงภาพยนตร์ภายในบ้าน

12. ผ้าม่านประหยัดพลังงาน (Energy Saving Curtain)

12. ผ้าม่านประหยัดพลังงาน (Energy Saving Curtain)

ผ้าม่านประเภทนี้มีชื่อเรียกอีกอย่างว่าผ้าม่านกันความร้อน เนื่องจากเป็นผ้าเนื้อพิเศษที่ช่วยให้ความอบอุ่นและเป็นฉนวนกันความร้อนหรือความเย็นจากภายนอกสู่ภายในบ้านได้ดี ดังนั้นผ้าม่านกันความร้อนจึงช่วยควบคุมและรักษาอุณหภูมิภายในบ้านให้คงที่ได้ดี หากท่านอาศัยอยู่ในสภาพภูมิอากาศที่หนาวเย็นหรือร้อนมาก ผ้าม่านประเภทนี้จะช่วยให้อุ่นในฤดูหนาวและให้อากาศเย็นสบายในช่วงร้อน

13. ผ้าม่านขอบหน้าต่าง (Window sill curtains)

13. ผ้าม่านขอบหน้าต่าง (Window sill curtains)

ผ้าม่านขอบหน้าต่าง คือผ้าม่านสั้นที่มีความยาวประมาณครึ่งบานหน้าต่าง ติดตั้งอยู่เหนือขอบวงกบหน้าต่างเล็กน้อย ผ้าม่านขอบหน้าต่างจึงเหมาะสมสำหรับหน้าต่างขนาดเล็กหรือติดตั้งเหนือเฟอร์นิเจอร์ที่จะบดบังผ้าม่านขนาดยาว

14. ผ้าม่านพอดีบาน (Apron curtains)

14. ผ้าม่านพอดีบาน (Apron curtains)

ผ้าม่านพอดีบาน คือผ้าม่านที่มีความยาวประมาณครึ่งหนึ่งของหน้าต่าง เหมาะสำหรับใช้ในห้องนั่งเล่น ห้องนอน หรือบริเวณพื้นที่ใช้สอยอื่นๆ ที่ต้องการม่านขนาดสั้นๆ ผ้าม่านแบบนี้อาจเป็นทางเลือกที่ดีสำหรับบ้านที่มีเด็กเล็กหรือสัตว์เลี้ยง เพราะไม่ยาวพาดพื้นจนเกินไป ช่วยป้องกันเนื้อผ้าไม่ให้ขาดวิ่นหรือเปื้อนสกปรกง่าย นอกจากนี้ยังเหมาะสำหรับห้องที่มีเครื่องปรับอากาศหรือเครื่องทำความร้อนที่ติดตั้งอยู่ใต้หน้าต่าง

15. ผ้าม่านคาเฟ่ (Cafe curtains) 

15. ผ้าม่านคาเฟ่ (Cafe curtains) 

ผ้าม่านคาเฟ่ คือผ้าม่านสั้นๆ ที่มักจะใช้คู่กับผ้าม่านบังแสงสำหรับติดด้านบน เรียกว่า วาเลนซ์ ผ้าม่านคาเฟ่นี้ช่วยเพิ่มเสน่ห์และบุคลิกให้กับพื้นที่ของท่าน โดยยังสามารถปล่อยแสงธรรมชาติส่องผ่านเข้ามาได้ในระดับหนึ่ง พร้อมกับรักษาความเป็นส่วนตัวในบางส่วน แม้ผ้าม่านคาเฟ่จะได้รับความนิยมในการตกแต่งห้องครัว แต่ก็สามารถนำมาใช้ในมุมรับประทานอาหารเช้า ห้องรับแขก หรือแม้กระทั่งห้องนอน หากไม่ได้มีความกังวลเรื่องการกรองแสงและความเป็นส่วนตัวมากนัก

16. ม่านลอนรางเทป (Wave (Tape) Curtain)

16. ม่านลอนรางเทป (Wave (Tape) Curtain)

ม่านลอนรางเทปเป็นชนิดของม่านประเภทหนึ่งที่ได้รับความนิยมในการตกแต่งภายในอาคารสำนักงาน บ้านพักอาศัย หรือสถานที่ต่างๆ เนื่องจากความสวยงาม ทันสมัย และมีประสิทธิภาพในการควบคุมแสงและความเป็นส่วนตัว โครงสร้างหลักของม่านลอนรางเทปนั้นประกอบไปด้วยแผ่นลอนตั้งที่เรียงต่อกันเป็นแนวตั้งด้วยระบบรางพิเศษ ซึ่งรางนี้จะทำหน้าที่เป็นทางนำให้ม่านลอนสามารถเลื่อนเปิด-ปิดได้อย่างราบรื่นและไม่ติดขัด นอกจากนี้ ม่านลอนรางเทปยังมีเครื่องกลหมุนที่ติดตั้งอยู่กับรางด้านบน ทำหน้าที่หมุนและควบคุมการเคลื่อนที่ของม่านลอนให้เป็นไปตามที่ต้องการ ไม่ว่าจะเป็นการเปิด-ปิดให้แผ่นลอนอยู่ตรงกลางหรือชิดด้านใดด้านหนึ่งของประตู/หน้าต่าง หรือแม้แต่การปรับองศาขององศาของแผ่นลอนเพื่อควบคุมปริมาณแสงและความเป็นส่วนตัวได้อย่างละเอียด ด้วยคุณสมบัติเหล่านี้จึงทำให้ม่านลอนรางเทปเป็นตัวเลือกที่ดีในการตกแต่งเพื่อความสวยงามและการใช้งานที่สะดวกสบาย

17. ผ้าม่านกันแสง มู่ลี่ (Chick Curtain)

17. ผ้าม่านกันแสง มู่ลี่ (Chick Curtain)

ม่านกันแสงมู่ลี่ถือเป็นทางเลือกที่ยอดเยี่ยมสำหรับการนำไปใช้ในห้องนอน ห้องรับรอง ห้องประชุม หรือสถานที่ที่ต้องการความเป็นส่วนตัวและการควบคุมแสงสูง เนื่องจากสามารถปิดกั้นแสงจากภายนอกได้อย่างสมบูรณ์ นอกจากนี้ยังช่วยป้องกันความร้อนและรังสียูวีจากแสงแดดได้เป็นอย่างดี ทำให้ช่วยประหยัดพลังงานในการรักษาอุณหภูมิภายในอาคารได้อีกด้วย นอกจากนี้ยังมีทั้งแบบติดตายตัวและแบบที่สามารถปรับระดับได้ตามต้องการ จึงนับว่าเป็นตัวเลือกที่ครอบคลุมการใช้งานได้หลากหลายรูปแบบ

18. ผ้าม่านม้วน (Roller Blinds)

18. ผ้าม่านม้วน (Roller Blinds)

ม่านม้วน (Roll Up Blinds หรือ Roller Blinds) เป็นประเภทของม่านที่มีลักษณะพิเศษคือสามารถม้วนเก็บเข้าด้านบนได้อย่างกะทัดรัด เมื่อไม่ได้ใช้งาน ทำให้ประหยัดพื้นที่และไม่บดบังทัศนียภาพมากนัก ม่านม้วนเหมาะสำหรับติดตั้งในบ้าน สำนักงาน ร้านค้า เนื่องจากสามารถควบคุมปริมาณแสงได้ดี มีรูปลักษณ์ทันสมัย และไม่บดบังทัศนียภาพภายนอกมากนักเมื่อเปิดม่าน นับเป็นตัวเลือกที่ดีสำหรับการตกแต่งที่ต้องการความเรียบง่ายและประหยัดพื้นที่

วิธีการเลือกใช้ผ้าม่านแต่ละประเภท

ผ้าม่านผ้าธรรมดา เช่น ผ้าลินิน ผ้าฝ้าย เหมาะสำหรับการตกแต่งพื้นฐานในบ้านหรือห้องที่ต้องการความอบอุ่นและเรียบง่าย เน้นการควบคุมแสงและมองเห็นวิวภายนอกได้

ผ้าม่านทึบแสง เช่น ผ้าบล็อคเกอร์ หรือผ้าผสมด้ายอลูมิเนียม เหมาะสำหรับห้องนอน โรงภาพยนตร์ ห้องควบคุมแสง เนื่องจากสามารถบดบังแสงจากภายนอกได้อย่างมิดชิด

ผ้าม่านกรองแสง เช่น ผ้าชีฟอง ผ้าออร์กานซ่า ผ้าลูกไม้ เหมาะสำหรับตกแต่งในห้องรับแขกหรือพื้นที่ที่ต้องการแสงธรรมชาติแต่ไม่ต้องการความร้อนมากเกินไป

ผ้าม่านกันร้อน ซึ่งออกแบบพิเศษคุณสมบัติกรองรังสีอุลตร้าไวโอเลตและรังสีอินฟราเรด เหมาะสำหรับพื้นที่ที่โดนแดดจัด เพื่อช่วยลดความร้อนและรักษาอุณหภูมิภายใน

ผ้าม่านหนัก เช่น ผ้าสักหลาดสีเข้ม เหมาะสำหรับความเป็นส่วนตัวสูง และตกแต่งในสไตล์คลาสสิก หรูหรา

TAG ที่เกี่ยวข้อง: